วันพุธที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550




Noix de cajouAnacardium occidentale mét ma mouang hin ma pan เม็ดมะม่วงหิมพานห
Fruit de l'anacardier qui pousse surtout sur l'île de Phuket, elles entrent dans la composition de plats comme le poulet aux noix de cajou, mais elles sont aussi consommées seules, grillées et assaisonnées de diverses manières. Excellentes pour l'apéro !La grande saga de la noix de cajou commence vers 1558 mais les premières traces écrites apparaissent en 1578. Ce sont les Portugais qui ont apporté l'anacardier de son Brésil natal en Inde, en Afrique et jusqu'en Asie. Pendant 400 ans, la noix de cajou a été cultivée pour son goût, sa haute teneur en vitamine C et pour ses propriétés médicinales. Pendant des millénaires, les tribus indigènes amazoniennes utilisaient les fruits et le jus du Cajou pour traiter la fièvre et rafraîchir l'haleine. La tribu des Tikunas, au nord-ouest de l'Amazone, considéraient le jus du fruit comme le meilleur remède pour traiter les verrues.Sur la photo ci-contre, vous pouvez voir des fruits verts où la graine apparait démesurée par rapport a la "pomme" et un fruit mur ou la "pomme" a pris son bel aspect rouge. La noix de cajou telle que vous la connaissez se trouve à l'intérieur de l'écorce marron qui est au sommet du fruit.Le jus de cette "pomme" peut être consommé. Il est légèrement acidulé et très parfumé. Lorsqu'il n'est pas consomme frais, il évolue, se charge en alcool. Les indiens de Goa en Inde le transforme en alcool blanc appelé "feni" (ils font également du "feni" de coco). Une jolie légende indienne attachée à ce fruit très particulier puisque la graine a la particularité de se trouver en dehors du fruit lui-même : Dieu élabora un fruit et aboutit à quelque chose de parfait. Arrivé au terme de son œuvre, il constata qu'il avait oublie le noyau... Ne voulant pas détruire quelque chose de si beau, il le rajouta sur le dessus du fruit et c'est depuis ce temps que le cajou est comme il est.La coque de la noix est composée de deux coquilles, l'une à l'extérieur de couleur verte et fine, l'autre interne de couleur brune et dure, séparées par une structure à cavités qui contient une résine phénolique caustique appelée baume de cajou, utilisée en industrie. Au centre de la noix se trouve une seule amande en forme de demi-lune d'environ trois centimètres de longueur entourée d'une pellicule blanche. Elle deviendra, après avoir été grillée et salée, la « noix de cajou » que l’on connait dans nos assiettes.

วันอังคารที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

เกร็ดความรู้เล็กๆ น่าอ่าน

เพราะเหตุใดขณะที่ต้มไข่ จึงมีฟองอากาศลอยออกมา?
ฟองไข่ได้รับความร้อนที่จะขยายตัวเล็ดลอยออกมาตามโพรงอากาศบนเปลือกไข่ จึงทำให้เกิดมีฟองอากาศลอยขึ้นมา ปกติในฟองไข่จะช่องเก็บอากาศ ถ้าหากเราเอาไข่ลงต้มในน้ำร้อน อากาศที่อยู่ในช่องอากาศได้รับความร้อนจะขยายตัวเล็ดลอดออกมาตามโพรงอากาศตามเปลือกไข่ ทำให้เกิดฟองอากาศลอยขึ้น แต่ถ้าได้รับความร้อนสูงกะทันหันและขยายตัวอย่างรวดเร็ว จนโพรงอากาศเล็ก ๆ ระบายออกไม่ทัน อากาศที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วจะทำให้เปลือกไข่แตก

เพราะเหตุใดหยดน้ำที่หกลงในกระทะร้อน จึงกระเด็นและเกิดเสียงดัง?
ขณะที่หยดน้ำกระทบภาชนะโลหะที่มีความสูง น้ำที่อยู่ล่างสุดก็จะกลายเป็นไอน้ำและจะเกาะตัวเป็นชั้นไอนี้ยังไม่กระจายสลายตัวไปไหน จึงช่วยกันอุ้มหยดน้ำอื่นไม่ให้ตกถึงกระทะในทันที แต่หยดน้ำพาความร้อนถ่ายเทช้า ไม่สามารถทำให้หยดน้ำกลายเป็นไอทั้งหมดในทันที การที่ชั้นไอน้ำอุ้มหยดน้ำไว้เช่นนี้จึงทำให้เกิดการกระเด็นของหยดน้ำบนกระทะ

เพราะเหตุใดอากาศใต้ร่มไม้จึงเย็นสบาย?
ต้นไม้ใหญ่ที่มีใบหนาป้องกันแสงแดดทำให้ความร้อนส่วนหต่งถูกสะท้อนกลับขึ้นไป อีกส่วนหนึ่งจะถูกต้นไม้ดูดเอาไว้ จึงทำให้ใต้ต้นไม้มีอุณหภูมิต่ำกว่าอากาศทั่ว ๆ ไป พื้นดินใต้ต้นไม้ไม่ถูกแสงแดดส่อง ก็จะมีอุณหภูมิต่ำกว่า 5-8 องศาเซลเซียส ดังนั้นใต้ร่มไม้จึงเย็นสบายเหมาะสำหรับพักผ่อน

เพราะเหตุใดเมื่อน้ำไหลต่ำลงใกล้พื้นจึงแตกกระจายเป็นหยดน้ำ?
โลกที่เราอาศัยอยุ่มีแรงดึงดูดซึ่งจะดึงดูดสารทุกชนิดบนโลกให้ลงบนพื้นโลก ขณะที่สสารตกลงบนพื้นโลกยิ่งใกล้พื้นโลกความเร็วจะยิ่งสูงข้น หยดน้ำมากมายที่รวมเป็นสายไหลออกมาจากท่อ หรือที่ปล่อยออกมาเป็นน้ำพุ เมื่อแรกไหลออกมาจะยังไม่เร็วนัก แต่ความเร็วของน้ำจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ น้ำที่ไหลเร็วมาก ๆ ก็จะแตกกระจายออกเป็นหยดน้ำมากมาย

เพราะเหตุใดน้ำแข็งจึงลอยอยู่บนน้ำได้?
น้ำแข็งมีความหนาแน่นน้อยกว่าน้ำ มีน้ำหนักเบากว่าน้ำ จึงสามารถลอยอยู่บนน้ำได้ การเปรียบเทียบน้ำหนักของน้ำและน้ำแข็ง จะต้องเปรียบเทียบในจำนวนปริมาตรที่เท่ากัน น้ำหนึ่งลูกบาศก์เซนติเมตรมีน้ำหนักหนึ่งกรัม แต่น้ำแข็งหนึ่งลูกบาศก์เซนติเมตรจะหนักเพียง 0.9 กรัม แสดงว่าน้ำแข็งเบากว่าน้ำ ดังนั้น น้ำแข็งจึงสามารถลอยอยู่บนน้ำได้ เมื่อเราใช้ฝ่ามือตีบนโต๊ะ

เพราะเหตุใดจึงรู้สึกเจ็บฝ่ามือ?
การที่เราตีฝ่ามือลงบนโต๊ะ ความจริงเป็นการใช้กำลังกระทำกับโต๊ะ ซึ่งเรียกว่าแรงกิริยา เมื่อโต๊ะถูกกระทำก็จะเกิดกำลังในทิศทางตรงกันข้ามที่มีขนาดแรงเท่ากันในทันที ซึ่งจะเรียกว่าแรงปฏิกิริยานี่เอง ดังนั้นถ้าหากเราตีฝ่ามือลงบนโต๊ะยิ่งแรงเท่าไร ฝ่ามือก็จะรู้สึกเจ็บมากยิ่งขึ้นเท่านั้น

เพราะเหตุใดรถยนต์บรรทุกน้ำมันจึงต้องมีโซ่เหล็กลากติดพื้นดินด้วย?
ขณะที่รถบรรทุกน้ำมันวิ่งไป น้ำมันในถังใหญ่จะเสียดสีกับขอบถังทำให้เกิดอนุภาคอิเล็กตรอนที่ถังน้ำมัน และเนื่องจากล้อรถมียางรถยนต์ซึ่งเป็นฉนวนไฟฟ้าหุ้มอยู่ อนุภาคอิเล็กตรอนที่เปลี่ยนแปลงจึงไม่สามารถถ่ายเทผ่านยางรถยนต์ลงสู่พื้นดินให้สมดุลได้ จึงต้องมีเส้นลวดหรือโซ่เหล็กผูกติดปล่อยลากกับพื้นเป็นตัวช่วยถ่ายเท เพราะอิเล็กตรอนมีมากเกินไปจะทำให้เกิดประกายไฟขึ้น ทำให้ลุกไหม้และระเบิดได้ง่าย

เพราะอะไรไอศกรีมจึงมีไอน้ำลอยชึ้นมา?
ฤดูร้อนอากาศรอบ ๆ ตัวเรามีอุณหภูมิสูงกว่าไอศกรีม ดังนั้นไอศกรีมจึงค่อย ๆ ละลาย ขณะที่ละลายได้ดูดเอาความร้อนในอากาศที่อยู่รอบ ๆ ทำให้อากาศที่อยู่รอบ ๆ มีอุณหภูมิต่ำลง เมื่อไอน้ำที่ลอยอยู่ในอากาศเป็นจำนวนมากนั้นได้รับความเย็นจึงกลั่นตัวเป็นละอองน้ำเล็ก ๆ รวมตัวลอยอยู่รอบ ๆ ไอศกรีม จึงทำให้มองเห็นคล้ายกับว่ามีไอน้ำลอยออกมาจากไอศกรีมเป็นระลอก

เพราะเหตุใดการคั่วลูกเกาลัด จึงต้องใส่ทรายลงในกระทะคั่วด้วย?
การที่ต้องใสทรายลงในกระทะคั่วด้วยก็เพื่อให้ความร้อนถ่ายเทให้ลูกเกาลัดที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ได้ทั่วถึง เพราะทรายเม็ดเล็กสามารถรัยความร้อนได้รวดเร็ว เมื่อทรายคลุกอยู่รอบลูกเกาลัดก็จะถ่ายเทความร้อนให้ลูกเกาลัดอย่างทั่วถึง ทำให้ลูกเกาลัดสุกง่ายขึ้น ไม่ใช่สุกเฉพาะลูกที่ติดกระทะ

เพราะเหตุใดเราจึงเห็นแสงกระพริบของดวงดาว?
แสงที่ส่องจากดวงดาว จะต้องผ่านชั้นบรรยากาศที่หนามาก จึงสามารถส่องมายังโลกได้ บรรยากาศที่ห่อหุ้มโลกหนาหลายร้อยกิโลเมตร แบ่งเป็นหลายชั้นตามลักษณะความหนาบางและ อุณหภูมิของบรรยากาศชั้นต่าง ๆ ก็ไม่เหมือนกัน เมื่อแสงดาวส่องผ่านชั้นบรรยากาศ จึงทำให้เกิดการหักเหของแสง จึงทำให้มองเห็นคล้ายกับว่าดาวกำลังกะพริบระยิบระยับ แพรวพราวเล่นตากับเรา

เพราะเหตุใดภาพที่บนจอโทรทัศน์จึงสามารถเคลื่อนไหวได้?
ภาพที่เคลื่อนไหวบนจอโทรทัศน์ความจริงเป็นภาพหลายภาพที่เลื่อนติดต่อทดแทนกันอย่างต่อเนื่อง และรวดเร็วมาก ประมาณวินาทีละ 24 ภาพ ขณะที่ภาพภาพหนึ่งปรากำแก่สายตาและยังไม่ลบเลื่อน ไปจากการรับรู้ อีกภาพหนึ่งก็ได้ปรากฎขึ้นมา เมื่อการรับรู้ของภาพมากกว่าสองภาพมาประสาน ติดต่อกันก็จะทำให้รู้สึกว่าภาพต่าง ๆ บนจอโทรทัศน์เคลื่อนไหวได้

ไฟฟ้าช็อตคืออะไร?
กระแสไฟฟ้าสามารถถ่ายเทจากสิ่งหนึ่งไปยังอีกสิ่งหนึ่งได้ ถ้าหากกระแสไฟฟ้าวิ่งเข้าสู่ร่างกาย คนเราก็จะสามารถผ่านไปสู่สิ่งอื่นอีกด้วย ลักษณะนี้เรียกว่าไฟฟ้าช็อต ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่ออวัยวะภายในร่างกายได้ กระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่างกายคนเราจำนวนน้อย จะทำให้เกิดอาการเหน็บชา ไร้ความรู้สึก จะไม่มีผลร้ายต่อร่างกายมากนัก แต่ถ้าเกิดไฟฟ้าช็อตที่รุนแรงก็จะทำให้หัวใจหยุดเต้น และถึงตายได้

เพราะอะไรในฤดูหนาวอ้าปากเป่าลมกับมือจึงทำให้รู้สึกอบอุ่น?
ปกติอุณหภูมิที่ฝ่ามือของคนเราจะอยู่ระหว่าง 25 ถึง 30 องศาเซลเซียส ส่วนลมที่เป่าออกจากปากในลักษณะอ้าปาก จะมีอุณหภูมิประมาณ 37 องศาเซลเซียส ฉะนั้นเมื่อเราอ้าปากเป่าลมกับมือเบา ๆ อากาศจากปอดที่อุ่นกว่าฝ่ามือจึงทำให้มือรู้สึกอบอุ่น ถ้าหากเราเอาฝ่ามือห่างออกไปสักหน่อยแล้วพยายามอ้าปากเป่าลมออกมาแรง ๆ ฝ่ามือของเราจะกลับรู้สึกเย็นสบาย

ปีแสงคืออะไร?
ปีแสงคือหน่วยที่นักดาราศาสตร์ใช้คำนวณระยะห่างของดวงดาว หมายถึงระยะทางที่แสงใช้เวลาเดินทางในหนึ่งปี ปีแสงจะเป็นหน่วยวัดระยะความยาว มิใช่หน่วยบอกระยะเวลา แสงมีความเร็วสูงมาก สามารถเดินทางได้ประมาณ 300,000 กิโลเมตรต่อวินาที หนึ่งปีสามารถเดินทางได้ 94,000 ร้อยล้านกิโลเมตร หมายความว่า"หนึ่งปีแสง" มีความยาวเท่ากับ 94,000 ร้อยล้านกิโลเมตร
เพราะเหตุใดสายล่อฟ้าจึงป้องกันฟ้าผ่าได้เมื่อก้อนเมฆที่มีประจุไฟฟ้าลอยต่ำลงจะเกิดปฏิกิริยาดึงดูดกับอนุภาคไฟฟ้าบนพื้นดิน ทำให้เกิดการถ่ายเทประจุไฟฟ้าอย่างรุนแรง ซึ่งสามารถทำลายสิ่งก่อสร้างที่อยู่ใกล้เคียงได้ จึงมีการป้องกันอันตรายนี้ด้วยการติดสายล่อฟ้าที่ทำด้วยโลหะปลายแหลม มีสายเชื่อมกับแผ่นทองแดงที่ฝั่งไว้ใต้ดิน เมื่อประจุไฟฟ้าทั้งสองเกิดปฏิกิริยากัน ประจุไฟฟ้าที่ถ่ายเทสู่พื้นดินจะวิ่งผ่านสายล่อฟ้าขึ้นสู่ยอดปลายแหลม กระจายสลายไปในอากาศ ป้องกันสิ่งก่อสร้างไม่ให้ถูกฟ้าผ่าทำลายเสียหายได้

ทำไมท้องเรือเดินทะเลช่วงล่างจึงทาสีแดง?
ในท้องทะเลจะมีสัตว์น้ำประเภทหอยที่มีเปลือกแข็ง คอยเกาะติด ท้องเรือเดินทะเลช่วงล่างด้านนอก ถ้ามันเกาะกันเป็นจำนวนมาก จะทำให้น้ำหนักเรือเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นอันตรายต่อเรือ นอกจากนี้ ยังทำให้ท้องเรือด้านนอกไม่เรียบ เกิดแรงเสียดทานขณะเดินเรือ ทำให้ความเร็วของเรือลดลง เพื่อป้องกันสัตว์น้ำประเภทหอยเกาะ จึงนิยมทาสีที่พวกมันคิดว่าเป็นสารพิษไว้ที่ท้องเรือ และสารพิษ เหล่านั้นมักจะมีสีแดงนั้นเอง

เพราะเหตุใดลูกบอลลูนจึงลอยอยู่บนท้องฟ้าได้?
เนื่องจากในลูกบอลลูนได้บรรขุก๊าซไฮโดรเจน ซึ่งเป็นก๊าซเบาที่สุดในโลก คือมีน้ำหนักประมาณ 1/15 ของก๊าซที่มีอยู่ทั่วไปในอากาศ ดังนั้นลูกบอลลูนที่บรรจุก๊าซไฮโดรเจน จึงสามารถล่องลอยอยู่กลางอากาศได้

เพราะเหตุใดในฤดูหนาว จับเหล็กจะรู้สึกเย็น แต่จับไม้กลับไม่เย็น?
สิ่งที่มีอุณหภูมิสูงไปสู่สิ่งที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า ในฤดูหนาวมือของเราจะ มีอุณหภูมิสูงกว่าอากาศที่อยู่รอบๆ ตัว เมื่อเราไปจับเครื่องใช้ที่เป็น เหล็กซึ่งเป็นตัวนำความร้อนที่ดี จึงสามารถถ่านเทความร้อนไปจากมือ ของเราอย่างรวดเร็ว ทำให้เรารู้สึกว่าเหล็กมีความเย็น ส่วนไม้เป็นตัว นำความร้อนที่เลวจึงสามารถถ่ายเทความร้อนได้ช้า เราจึงไม่รู้สึกเย็น เท่ากับการจับสิ่งของที่ทำจากเหล็ก

เพราะเหตุใดเมื่อเทน้ำร้อนใส่แก้วน้ำชนิดหนาจึงแตกง่าย?
กระจกถ่ายเทความร้อนช้า เมื่อเทน้ำร้อนลงในแก้วใบหนา แก้วชั้นใน ได้รับความร้อนก่อนจึงขยายตัวทันที ส่วนแก้วด้านนอกยังเย็นอยู่ไม่ ขยายตัว แก้วด้านในที่ขยายตัวจึงเบียดผิดแก้วด้านนอกออกไป ทำให้ แก้วแตก ส่วนแก้วน้ำชนิดบาง ผิวแก้วด้านในและด้านนอกจะได้รับ ความร้อนพร้อมกัน ทำให้ขยายตัวพร้อมกัน จึงทำให้ไม่แตกง่าย
Depuis quand l'homme porte-t-il des chaussures?


Phil a écrit : Bien compliqué de répondre à une telle question. Aujourd'hui, il est tellement évident d'en porter, que la mémoire de leur invention échappe quelque peu à l'humanité. Quand nous évoquons les premières chaussures, il ne s'agit pas de simples protections contre le froid utilisées depuis quelques 500 000 ans, mais plutôt d'objets comparables à nos chaussures modernes. Il est difficile de dater une telle invention car les premiers ustensiles étaient faits de matières organiques périssables (végétales, animales).


La méthode utilisée par Erik Trinkaus, anthropologue américain, est de dater les conséquences du port de chaussures sur l'anatomie et particulièrement les doigts de pied. En effet, sans chaussures, l'utilisation des orteils est plus importante pour l'équilibre, la force. Et d'après cette étude, cette utilisation plus importante permet aux petits orteils de se développer de façon plus importante.







Le port de chaussures influence la taille des orteils. Photo: PictureStation.net

Ainsi, les Neanderthaliens d'il y a 100 000 ans ont des orteils plus épais et forts que ceux d'il y a 26 000 ans. Pour confirmer ce raisonnement, le chercheur a comparé les pieds des premiers Amérindiens (pieds nus) et des populations Inuits d'Alaska. Là encore, les doigts de pieds sont plus trapus.Les chaussures auraient donc été inventées au cours d'une période connue pour son avalanche d'avancées technologiques humaines (premiers outils en pierre, permiers bijoux, etc..) qui se situe il y a environ 35 000 ans.